ทัพอัซซูรี ยักษ์หลับที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดย “โรแบร์โต้ มันชินี่”

        ทัพอัซซูรี เป็นอีกหนึ่งชื่อของทีมชาติอิตาลี ในวงการลูกหนังโลก จากความผิดหวังที่พลาดโอกาสในการไปสู้ศึกฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2018 รอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย ทำให้เหล่าแฟนบอลทีมชาติอิตาลีต้องออกอาการเซ็งอย่างถ้วนหน้า

 

เนื่องจากทีมชาติของพวกเขา ในการลงเล่นฟุตบอลรายการระดับโลกแต่ละครั้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะมีถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกสี่สมัย และแชมป์ยุโรปอีกหนึ่งสมัย จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านวงการฟุตบอลอีกหนึ่งประเทศ

 

ทัพอัซซูรี

แต่เนื่องจากผลงานในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ทีมชาติอิตาลีทำผลงานออกมาได้อย่างน่าผิดหวังตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2014 ตามมาด้วยฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ค.ศ. 2016 จนมาตกรอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ปี ค.ศ. 2018 ทำให้ทีมชาติน้อยใหญ่ในยุโรไม่ได้มีความเกรงกลัวทีมชาติอิตาลี แม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเขามองว่า ยักษ์ตัวใหญ่ที่เคยดุร้ายตัวนั้น ได้หลับลงแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีชายที่ชื่อว่า โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้ก้าวเท้ากลับบ้านเกิด เข้ามารับงานคุมทีมชาติอิตาลี ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ด้วยการนำระบบการเล่นต่อบอลสไตล์อิตาลีที่แท้จริงกลับเข้ามา การไล่บีบคู่แข่งอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้สถิติไม่แพ้ใคร 29 นัดเกิดขึ้น (และอาจเพิ่มขึ้น) จากการลงเล่นของทีมชาติอิตาลีในทุกรายการ ภายใต้การคุมทัพของมันโช่ ทำให้ยักษ์ที่แสนจะดุร้ายตัวเดิม ใกล้ตื่นจากการหลับใหลขึ้นเต็มที และทีมชาติอิตาลี อาจมีดีไปจนถึงการคว้าแชมป์ยูโร 2020 ปีนี้มาครองได้ในที่สุด

 

ทัพอัซซูรี

 

ทีมชาติอิตาลี โชว์ฟอร์มสุดโหดในฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก ไปจะถึงรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมาสองนัดแรก และเอาชนะคู่แข่งได้แบบขาดลอยถึง 3 – 0 ทั้งสองนัด และยังรักษาคลีนชีส ได้ทั้งสองนัดอีกด้วย เมื่อมองถึงฟอร์มการเล่นของพวกเขา แน่นอนเป็นการเล่นที่ไหลลื่นและเข้าทำในจังหวะสุดท้ายได้ดี

 

ทัพอัซซูรี

 

อีกทั้งเมื่อมองจากผู้เล่นทีมชุดนี้ เรียกได้ว่า มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คน หรืออาจจะไม่ถึง 4 คนในผู้เล่นชุดตัวจริงที่ลงทำการแข่งขัน 2 นัดล่าสุด ที่เป็นนักเตะมีชื่อเสียง ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก อย่างตัวเช่น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูดาวรุ่งจากเอซี มิลาน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังจอมเก๋า, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กองหลังจอมเก๋าอีกรายจากยูเวนตุส, จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์จากเชลซี ซึ่งนักเตะทั้งสามรายด้านหลังนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่มีอายุหลักสามสิบปีขึ้นไปทั้งนั้น และเป็นผู้เล่นในแนวรับ

 

ทัพอัซซูรี

 

ซึ่งได้ต่างจากทีมชาติอิตาลียุคก่อน ๆ ที่มีผู้เล่นชื่อดังระดับโลกอยู่อยู่กับทีมออย่างคับคั่ง ตัวอย่างเช่น โรแบร์โต้ บัจโจ้, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, ฟิลิปโป้ อินซากี้, อันเดร์ ปีย์โล่, เจนาโร่ กัตตูโซ่ หรือ เดล ปีเอโร่ เป็นต้น ซึ่งชื่อเสียงของแต่ละคนนั้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความคลาสสิคในการเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว

 

ทัพอัซซูรี

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุกในปัจจุบัน ที่เป็นดาวรุ่งฟอร์มแรง ส่วนใหญ่ค้าแข้งอยู่ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ พวกเขาลงเล่นด้วยเกรี้ยวกราด แนวรุกที่พยายามไล่บี้คู่แข่งในแดนหน้าเพื่อบีบเอาบอล และเข้าทำอย่างรวดเร็วเพื่อให้นำมาซึ่งประตูอย่างมากมาย และเก็บสถิติลงเล่น 34 นัด เก็บชัยไปได้ 25 นัด เสมอ 7 นัด แพ้แค่ 2 นัด รวมไปถึงยังยิงได้ 85 ประตู เสียไปเพียง 14 ประตู เท่านั้น ที่สำคัญที่สุด พวกเขาเล่นด้วยคำว่า “ทีมเวิร์ค” ทุกคนภายในภายดีจะรักกันอย่างมาก ดูจากการแสดงความดีใจเมื่อมีการทำประตูเกิดขึ้น

 

ทัพอัซซูรี

 

เป็นระบบการเล่นของโรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตผู้จัดการทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นผู้ได้ปูพื้นฐานให้ทัพสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ สร้างความยิ่งใหญ่ กวาดแชมป์มากมายมาจนถึงทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างทีมขึ้นมาของ โรแบร์โต้ มันชินี่ คนนี้

 

ทัพอัซซูรี

 

ด้วยการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งจากหลายสโมสรในอิตาลี เช่น โตริโน่ อตาลันต้า นำมาซึ่งการได้นักเตะฝีเท้าดีอย่าง  เบลอตติ โดเมนิโก เบร์ราร์ดี และมานูเอล โลคาเตลลี ซึ่งในรายหลังสุดกำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดฮอตเลยทีเดียว ร่วมกับอิมโบมิเล่ ที่ยิงไปคนละ 2 ประตู อยู่อันดับ 2 ของดาวซัลโวร่วมกัน

 

อิมโมบิเล่

 

จากผลงานในสองนัดที่ผ่านมา อิตาลี เก็บชัยชนะเหนือ ทีมชาติตุรกี และ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 3 – 0 ทั้งสองเกม อิตาลีจึงกลายเป็นทีมแรกที่การันตีเข้ารอบต่อไปทันที การลงเล่นกับทีมชาติเวลส์ในนัดต่อไปเป็นเพียงการเดินหน้าเก็บสถิติเท่านั้น กับสถิติไร้พ่าย 30 นัด ชัยชนะติดต่อกันเป็นนัดที่ 11

 

โลคาเตลี่

 

แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของทัวร์นาเม้นท์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้เพียงเท่านั้น อย่าลืมไปว่า เมื่อได้เข้าสู่รอบต่อไป ย่อมมีโอกาสต้องเจอกับยอดทีมเต็งแชมป์ ที่ถูกว่าให้มีอันดับเหนือทีมชาติอิตาลีอยู่หลายทีม ทั้ง ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์บอลโลก, โปรตุเกส แชมป์เก่ารายการนี้ และเบลเยี่ยม ที่ฟอร์มดีอีกด้วย ทั้งสามทีมที่กล่าวมาล้วนมีนักเตะฝีเท้าดีที่สุดในโลกอยู่หลายคน และเหนือกว่าผู้เล่นทีมชาติอิตาลี ในทุกตำแหน่ง

 

ตำนานอิตาลี

 

ดังนั้น เราต้องคอยติดตามกันต่อไปว่า ทีมชาติอิตาลี เมื่อได้เจอกับของจริงในศึกยูโรครั้งนี้จะเป็นเช่นไร ในรอบสุดท้าย จะสามารถสร้างนิยายบทใหม่ให้กับตนเองได้หรือไม่ ซึ่งหากพวกเขาไปได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ กับนับว่าเกินกว่าที่แฟนบอลหลายคนจะคาดคิดแล้วจากทีมชุดนี้ อย่างน้อย เราก็ได้เห็นยักษ์ใหญ่ที่หลับใหล ตื่นขึ้นมาอาละวาดอีกครั้ง

 

ทัพอัซซูรี

 

แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ภายหลังจากจบศึกฟุตบอลครั้งนี้ นักเตะดาวรุ่งหลายคนในทีมชาติ เตรียมลงชื่อแจ้งเกิดกับสโมสรชั้นนำระดับโลกกันได้เลย

ติดตามเรื่องฟุตบอลที่น่าสนใจ :: เรื่องฟุตบอลน่าสนใจ

ติดตาม Facebook :: SUPERSPORTSKICK