ทีมยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร 2020 ทั้ง 11 ตำแหน่ง

        และในวันเดียวกัน ทางยูฟ่า ได้ประกาศ 11 ผู้เล่น ที่ติดเข้ามาเป็น หนึ่งใน ทีมยอดเยี่ยม ประจำศึกฟุตบอล ยูโร 2020 หนนี้ มีนักเตะหลายคนที่อยู่ในจุดสูงสุดของสโมสร นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม แต่กลับ โชว์ฟอร์มไม่ออก ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ครั้งนี้ ตัวอย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สามารถคว้าดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเม้นต์ ที่ 5 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ แต่ไม่มีชื่อในทีมยอดเยี่ยมครั้งนี้

ดังนั้น เราจะมาดูกันว่า 11 นักเตะยอดเยี่ยม ในแต่ละตำแหน่ง  ที่ถูกจับชื่อเข้ามาใส่ในครั้งนี้จะมีใครบ้าง มาดูกันเลย ในระบบ 4 : 3 : 3

ทีมยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร 2020

ผู้รักษาประตู : จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า ทีมชาติอิตาลี (Gianluigi Donnarumma, Italy)

          เปิดตัวแล้ว สำหรับผู้รักษาคนใหม่ ของสโมสร ปารีส แชง เฌอแมงส์ ด้วยการย้ายจาก เอซี มิลาน แบบไร้ค่าตัว ซึ่งจะขอกล่าวแค่ผลงาน ของผู้รักษาประตูรายนี้ โดยสามารถเซฟลูกยิง ที่เรียกได้ว่า ชนิดเผาขนอยู่หลายลูก และยังสามารถป้องกันลูกยิงจากยอดดาวยิงหลายคน จนทำให้ทีมชาติอิตาลีเก็บคลีนซีส ในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ และทีมชาติอิตาลี มีอัตราการเสียประตูที่น้อยนิดมาก จนสามารถคว้า รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไปครอง

แบ็คขวา : ไคล์ วอร์คเกอร์ ทีมชาติอังกฤษ (Kyle Walker, England)

          ตำแหน่งนี้ มีผู้เข้าท้าชิงไม่เยอะ นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หลายคนอย่าง ดิลอเลนโซ่ หรือ ฟอร์เรนซี่ ได้รับการบาดเจ็บ จึงทำให้วอร์คเกอร์ ติดทีมยอดเยี่ยมไปครองในที่สุด

เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ : แฮรี่ย์ แม็กไกวน์ ทีมชาติอังกฤษ (Harry Maguire, England)

          ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นนักเตะที่ทีมชาติอังกฤษ ไม่สามารถขาดได้ อย่างสิ้นเชิง ในทัวร์นาเม้นต์นี้ เนื่องจากได้สร้างผลงานเกมส์รับอย่างยอดเยี่ยม จนทีมสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 9 นัด จากรอบแรก โดยได้ลบคำสบประมาท ที่เขาเคยถูกกล่าวหาว่า ไม่สมควรติดทีมชาติมาบอลโลกด้วยซ้ำ

เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ : เลโอนาโด โบนุชชี่ ทีมชาติอิตาลี (Leonardo Bonucci, Italy)

          ในตำแหน่งนี้ มีผู้เข้าชิงอยู่หลายคน แฟนบอลบางคนอาจจะงงว่า ทำคิเอลลินี่ ไม่ติดเข้ามาในตำแหน่งนี้ โดยทางผู้จัดอาจมองว่า กองหลัง จอมเก๋ารายนี้ เป็นฮีโร่ ผู้ทำประตูตีเสมอ ให้กับทีม จนได้เข้าไปดวลจุดโทษต่อนั้น อีกทั้งยังเป็นแมน อ๊อฟ เดอะ แมตช์ อีกด้วย

แบ็คซ้าย : สปินาโซล่า ทีมชาติอิตาลี (Spinazzola, Italy)

          ตำแหน่งนี้ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีการดราม่า มากที่สุด เนื่องจากมีผู้เล่นที่ทำผลงานดี อยู่หลายคน โดยเฉพาะ ลุค ชอว์ ของทีมชาติอังกฤษ แต่สปินาโซล่า ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมาทั้งยิงและแอสซิสเองอีกด้วย

กองกลางขวา : ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก ทีมชาติเดนมาร์ก (Højbjerg, Denmark)

          การที่สามารถพา ทีมชาติเดนมาร์ก เข้ามาจนถึงรอบรองชนะเลิศ ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนอาจจะสงสัยว่านักเตะรายนี้เข้ามาติดในทีมยอดเยี่ยมได้ไง แต่หากได้ไปชมเกมที่เดนมาร์กในแมตช์ต่าง ๆ ท่านจะไม่สงสัยเลย

กองกลางซ้าย : เปรดิ ทีมชาติสเปน (Pedri, Spian) ใน ทีมยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร 2020 

          นักเตะดาวรุ่ง ที่สามารถคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมในทัวร์นาเม้นต์นี้ไปครอง เหมาะสมที่สุดที่ติดทีมยอดเยี่ยมนี้อีกด้วย

กองกลาง : จอร์จินโญ่ ทีมชาติอิตาลี (Jorginho, Italy)

          คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ว่ากองกลางรายนี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ในทุก ๆ นัดจนในท้ายที่สุด ก็คว้าถ้วยรางวัลไปครอง ได้สำเร็จ และ แอบมีลุ้นคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ในปีนี้ อีกด้วย จึงเหมาะสมมากกับตำแหน่งนี้

กองหน้าขวา : เฟเดริโก้ เคียซ่า ทีมชาติอิตาลี (FEDERICO CHIESA, Italy)

          เป็นอีกนักเตะ ที่โชว์ฟอร์มได้หวือหวา และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนในตอนนี้เป็นนักเตะที่น่าจับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป ช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้ ทำให้หลายทีมยักษ์ใหญ่เข้ารุมจีบเคียซ่าอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเร็ว และทักษะการทำประตูที่ยอดเยี่ยม ย่อมพัฒนาไปได้ไกลแน่นอน

กองหน้าซ้าย : ราฮีม สเตอลิ่ง ทีมชาติอังกฤษ (Sterling, England)

          ยังไงนักเตะรายนี้ก็ต้องติดเป้นหนึ่งในแนวรุกของการจัดอันดับรายการนี้ เมื่อมีส่วนร่วมในการทำประตูอย่างมากกับทีมชาติอังกฤษ จนสามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แรกได้ว่าเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษในแนวรุก ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด

กองหน้าตัวเป้า : โรเมอู ลูกากู (Romelu Lukaku, Belgium) ใน ทีมยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร 2020 

          ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยมรายนี้ สามารถเบียดนักเตะตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นต์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาเป็นของกองหน้า ใน 11 นักเตะที่ติดทีมยอดยเยี่ยมได้ในที่สุด หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นลูกากู เนื่องจากหลังจากที่ตัวแบกทีมอย่าง เควิน เดอ บอย เจ็บ ลูกากูก็สามารถช่วยประคองทีมจนเอาชนะโปรตุเกส แต่ก็ต้องมาแพ้แชมป์รายการนี้ในที่สุด