เมื่อพูดถึงกองหน้าจากทวีปแอฟริกาใต้สักคน หลายคนต้องนึกถึงชื่อของ “ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา” อย่างแน่นอน
ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของทวีปแอฟริกา
ดร็อกบา เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1978 ปัจจุบันอายุ 40 ปีเขาย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศสต้องแต่อายุ 5 ขวบโดยอาศัยอยู่กับคุณลุงที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ
โดยทีมแรกที่เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งก็คือ เลอ มองส์ ในตอนที่เขาอายุเพียง 18 ปีเขาเล่นอยู่กับ เลอ มองส์ อยู่ 4 ฤดูกาลก่อนจะย้ายมาอยู่กับ แก็งก็อง
เขาลงเล่นกับ แก็งก็อง อยู่ 2 ฤดูกาลโดยทำ 24 ประตูจาก 50 เกมที่ลงสนามจากทุกรายการก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ
มาร์กเซย ด้วยค่าตัวเพียง 3.3 ล้านปอนด์ก่อนทำ 19 ประตูจาก 35 เกมในลีกให้กับ มาร์กเซย
หลังจากเล่นให้กับ มาร์กเซย เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นเขาถูกเชลซีซื้อตัวมาด้วยราคาแพงถึง 24 ล้านปอนด์ในปี 2004
ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในตอนนั้น ดร็อกบา ค้าแข้งกับเชลซียาวนานถึง 8 ฤดูกาลพร้อมสร้างสถิติและพาทีมคว้าแชมป์อย่างมากมาย
โดยเขาทำ 157 ประตูจาก 341 เกมในทุกรายการกับเชลซีและเป็นนักเตะแอฟริการายแรกที่ทำ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ดร็อกบา พาเชลซีกวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย เอฟเอ คัพ 4 สมัย ลีกคัพ 2 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 สมัย
โดยเขาเป็นคนยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทีมก่อนจะดวลจุดโทษเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์ไปครอง
หลังจากออกจากเชลซี ดร็อกบา ย้ายไปค้าแข้งกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ต่อด้วย กาลาตาซาราย และคว้าแชมป์ลีกตุรกี 1 สมัย
ก่อนที่จะย้ายกลับมาเชลซีเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพเพิ่มอีกอย่างละสมัยก่อนจะไปค้าแข้งที่แคนนาดา
และแขวนสตั๊ดที่อเมริกา
ส่วนในทีมชาตินั้นเขามีส่วนให้ประเทศโกตดิวัวร์ยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่า 5 ปีด้วยการพาชาติของเขา
ไปเล่นฟุตบอลโลกในปี 2006 และเขาเคยร้องประธานาธิบดีให้ทีมชาติโกตดิวัวร์ไปลงเตะที่บูอาเก้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่น
ของกบฏเพื่อแสดงออกถึงสันติภาพหลังจากมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในปี 2007
นอกจากเป็นฮีโร่ผู้ยุติสงครามแล้วเขายังบริจากรายได้ของตัวเองเพื่อสร้างโรงพยายามและมูลนิธิต่าง ๆ
เพื่อช่วยเหลือผู้คนมากมายในประเทศสมกับเป็นตำนานนักฟุตบอลทั้งในสนามและนอกสนามจริง ๆ