ประวัติ มาร์คัส แรชฟอร์ด จากดาวรุ่งสู่ดาวยิง
ประวัติ มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford)
มาร์คัส แรชฟอร์ด จากสุดยอดกองหน้าดาวรุ่ง มุ่งสู่กองหน้าระดับโลก แรชฟอร์ดเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมเฟลตเชอร์มอสเรนเจอส์ทีมระดับท้องถิ่น
ในประเทศอังกฤษ ด้วยวัยเพียง 5 ขวบ ก่อนที่จะเข้าร่วมกับสโมสรเยาวชนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ในวัยเพียง 7 ขวบ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford)
วันเกิด : 31 ตุลาคม ค.ศ. 1997 (23 ปี)
สถานที่ : เมืองแมนเชสเตอร์, ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง : 1.85 เมตร (6 ฟุต 1 นิ้ว)
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ตำแหน่งที่เล่น : กองหน้าตัวเป้า สามารถเล่นปีกซ้ายหรือขวาก็ได้
สวมเสื้อเบอร์ : 10
ลงเล่น : ปี 2015 – ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลงเล่น 226 นัด ยิง 74 ประตู
มาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่มีแววโดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง ตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ โดยเข้าร่วมทีมเฟลตเชอร์มอสเรนเจอส์ทีมระดับท้องถิ่นในเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ปั้นนักเตะดาวรุ่งมากมายในช่วงเวลาที่เขาเล่นให้
ทีมเฟลตเชอร์มอสเรนเจอส์นั้น มีการแข่งขันนัดหนึ่งที่เขาได้สร้างความตะลึงให้กับเหล่าแมวมองจากทีมใหญ่ทั่วอังกฤษคือ การยิง
12 ประตูโดยใช้เวลาเพียง 10 นาที
จากนั้นทีมใหญ่ทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ซิตี้ และลิเวอร์พูลต่างร่วมวงกันเพื่อแย่งรายเซ็นของเจ้าหนูแรชฟอร์ดผู้นี้ และก็เป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ได้เซ็นสัญญากับเจ้าหนูแรชฟอร์ดในวัย 7 ขวบ เข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสร ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเซ็นสัญญาครั้งนี้คือ เดวิส เฮอร์ร็อค โค้ชทีมเฟลตเชอร์ มอสเรนเจอส์ เขาได้พาแรชฟอร์ดไปที่สนามซ้อมของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ให้ร่วมชมแนวทางการซ้อม แนวทางพัฒนาศักยภาพของเตะ ซึ่งถูกใจเจ้าหนูคนนี้มากและเขาเชื่อว่าด้วยเทคนิคการพัฒนานักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะช่วยให้เขาเพิ่มศักยภาพทางร่างกายและการเล่นฟุตบอลเพิ่มมากขึ้น
หลังจากนั้นมาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ใช้เวลาฝึกซ้อมตัวเองอยู่กับทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รอวันที่จะได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของทีม แรชฟอร์ดได้รับโอกาสจากหลุยซ์ ฟัลกัลป์ ให้ลงประเดิมสนามในนามทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเกมที่เจอกับมิดทิลแลนด์และสามารถเอาชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 5–1ในการแข่งขัน ยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016 โดยในนัดนี้แรชฟอร์ดได้เริ่มต้นเป็นตัวจริงแทนที่ อ็องโตนี มาร์กซียาล ที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงฝึกซ้อมและแรชฟอร์ดสามารถยิงได้ถึง 2 ประตู ส่งผลให้แรชฟอร์ดกลายเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในฟุตบอลยุโรปด้วยวัยเพียง 18 ปี 117 วันทำลายสถิติของ จอร์จ เบสต์ ที่ทำไว้ในศึกอินเตอร์ซิตี้ – แฟร์สคัพนัดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาชนะเยอร์การ์เด้นทีมจาก นอร์เวย์ ไป 6 – 1 เมื่อเดือนตุลาคม 2507 ด้วยวัย 18 ปี 158 วัน
หลังจากนั้นอีก 3 วันคือในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016 ในศึก พรีเมียร์ลีก มาคัส แรชฟอร์ด(Marcus Rashford) ก็สร้างชื่อให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการทำ 2 ประตูในนัดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเปิด โอลด์แทรฟฟอร์ด ชนะ อาร์เซนอล ไปได้ 3 – 2โดยในปีนั้น แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นรวมทุกรายการ 11 นัด ยิงไป 5 ประตู
ในปีต่อมา มาคัส แรชฟอร์ด ในยุคของโจเซ่ มูริโญ่ ก็ได้เริ่มสอดแทรกขึ้นมาเป็นกองหน้าเล่นร่วมกับรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง เวย์น รูนีย์ และ อ็องโตนี มาร์กซียาลดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส และยังมี ซลาตัน อิบบราฮิมโมวิด กองหน้าตัวเก๋าชาวสวีเดน โดยโชเซ่ มูรินโญ่ผู้จัดการทีมในขณะนั้นจะสลับให้เล่นทางด้านปีกซะส่วนใหญ่ โดยสถิติการลงสนามภายใต้การคุมทีมของ โจเซ่ มูริโญ่ แรชฟอร์ดได้ลงเล่นมากกว่า 30 เกมส์ทั้งสองฤดูกาล ดังนี้ ฤดูกาล 2016 – 2017 ลงเล่นทั้งหมด 32 นัด (ตัวสำรอง 16 นัด) ยิง 5 ประตู ฤดูกาล 2017 – 2018 ลงเล่นทั้งหมด 35 นัด (ตัวสำรอง 18 นัด) ยิง 7 ประตู
ในฤดูกาล 2018–2019 ภายใต้การคุมทีมของโอเล่ กุนน่า โซลชา มาคัส แรชฟอร์ดได้เลือกเปลี่ยนไปสวมเสื้อหมายเลข 10 ให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แทนที่ เวย์น รูนีย์ กองหน้าและกัปตันทีมที่ย้ายออกจากทีมไปเมื่อจบฤดูกาล 2017-18 จากเดิมที่ใส่เสื้อหมายเลข 19 มาก่อนหน้านั้น หลังจากนั้นก็ได้เป็นกองหน้าตัวความหวังจบสกอร์ของทีมจนถึงปัจจุบัน
ผลงานในระดับทีมชาติ
มาคัส แรชฟอร์ด ได้ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 16 ปีตั้งแต่เขาอายุ 15 และได้ร่วมเล่นอยู่ในชุดเยาวชนทีมชาติอังกฤษในทุกรุ่น ดังนี้
ปี 2012 ติดทีมชาติอังกฤษชุด U16
ปี 2014 ติดทีมชาติอังกฤษชุด U18
ปี 2016 ติดทีมชาติอังกฤษชุด U20
ปี 2016 ติดทีมชาติอังกฤษชุด U21
ปี 2016 ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ได้เรียกใช้งาน มาคัส แรชฟอร์ดเป็น 1 ใน 26 นักเตะรอบก่อนที่จะคัดตัวเลือกและท้ายที่สุด แรชฟอร์ด ก็ได้เป็น 1 ใน 23 นักเตะที่เป็นชุดลุยศึกยูโร 2016 โดยมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายเช่น นิคกี บัตต์ โค้ชทีมเยาวชนของทีมปีศาจแดงให้เหตุผลว่าแรชฟอร์ดยังเด็กเกินไป แต่ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2016 แรชฟอร์ดได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดที่ทีมชาตอังกฤษอุ่นเครื่องชนะ ทีมชาติออสเตรเลีย ไป 2-1 โดยแรชฟอร์ดเป็นผู้ทำประตูแรกในนาทีที่ 3 นับเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในนามทีมชาติอังกฤษด้วยวัย 18 ปี 208 วัน ทำลายสถิติของ ทอมมี่ ลอว์ตัน ที่ทำไว้เมื่อปี ค.ศ. 1938 นอกจากนี้ยังเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษอีกด้วย
รางวัล
ถ้วยเอฟเอคัพ : 2015–16
ถ้วยอีเอฟแอลคัพ: 2016–17
โล่ห์เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2016
ถ้วยยูฟ่ายูโรปาลีก: 2016–17
รางวัลส่วนตัว
Jimmy Murphy Young Player of the Year: 2015–16
Premier League Player of the Month: January 2019
PFA Fans’ Player of the Month: December 2019
Premier League Academy Graduate of the Year Award: 2019–20
PFA Community Champion Award: 2019–20
UEFA Europa League Squad of the Season: 2019–20
PFA Merit Award: 2020
Manchester United Goal of the Season: 2019–20
และในปี 2020 มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้รับเกียรติยศสูงสุดของประเทศอังกฤษ หลังเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช (MBE) จากควีนเอลิซาเบ็ธที่ 2 จากการทำงานการกุศลเพื่อเด็ก ๆ ที่ขาดแคลนในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แรชฟอร์ด ได้รับเสียงชื่นชมจากการเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเห็นความสำคัญในการมอบอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ กว่า 1 ล้านคน ที่ขาดแคลนและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่ง แรชฟอร์ด ได้จัดตั้งหน่วยงานช่วยกระจายอาหารเพื่อเด็ก ๆ จนประสบความสำเร็จ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ :: ประวัติเจ้าหนูมาคัส แรชฟอร์ด
Facebook Fanpage :: Supersportskick