ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ “เธียร์รี่ อองรี” : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยเขาเริ่มเล่นกับทีมเยาวชนแถวที่เขาอยู่แถบๆ วาร์โซเวีย ก่อนที่จะถูก เดลต้า วอร์ซอว์ ชักชวนให้ไปคัดตัวซึ่งเขาก็ทำให้กุนซือของ เดลต้า วอร์ซอว์ ประทับใจในทันทีด้วยการกดคนเดียว 4 ประตูในเกมนัดนั้น

ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ "เธียร์รี่ อองรี" : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ปี 2006-2007 เลวานดอฟสกี้ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพจนได้โดยเขาเริ่มเล่นกับทีม ซินซ์ พรัสซ์โกว์ ทีมในลีก 3 ของโปแลนด์ ซึ่งเขาก็เป็นคนสำคัญที่พา ซินซ์ พรัสซ์โกว์ เลื่อนชั้นได้สำเร็จ หลังจัดการคว้าดาวซัลโวด้วยการกระหน่ำไปทั้งหมด 15 ประตูในฤดูกาลนั้น โดยฤดูกาลต่อมาในดิวิชั่น 2 ของโปแลนด์ เลวานดอฟสกี้ ก็สามารถคว้าดาวซัลโวได้อีกครั้งหลังจากจัดการกดไปได้ถึง 21 ลูก

สโมสร เลช พอซแนน (2008-2010)
เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นศูนย์หน้าที่โด่งดังเหลือเกินใน โปแลนด์ ตอนนั้น จนในที่สุด เลช พอซแนน ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกโปแลนด์ก็จัดการคว้าตัวเขาเข้าไปร่วมทีมจนได้ โดยตอนนั้นค่าตัวของเขาอยู่ 1.5 ล้านยูโร(61ล้านบาท)เท่านั้น

ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ "เธียร์รี่ อองรี" : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

 กรกฎาคม 2008 เลวานดอฟสกี้ ได้โอกาสลงสนามเป็นเกมแรกโดยถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในเกม ยูโรป้า ลีก ที่พบกับ คาซาร์ เลนโคเรน สโมสรจาก อาเซอร์ไบจัน ส่วนประตูแรกของเขาในสีเสื้อของ เลช พอซแนน นั้นเกิดขึ้นในเกมลีกที่พบกับ เบลชาโตว์ ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นในสนามก็สามารถพังประตูได้แล้ว โดยจบฤดูกาลแรกของเขาในลีกสูงสุดของโปแลนด์ เลวานดอฟสกี้ สามารถคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวมาครองได้สำเร็จด้วยการยิงไปทั้งหมด 18 ประตู ช่วยให้ เลช พอซแนน คว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ ในระหว่างที่เขาค้าแข้งกับ เลช พอซแนน นั้น เลวานดอฟสกี้ ยิงไปทั้งหมด 32 ประตูจากการลงเล่น 58 นัด

สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2010-2014)
จนกระทั่ง มิถุนายน ปี 2010 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่เห็นถึงความเป็นสุดยอดกองหน้าของเขาเป็นทีมแรกและดึง เลวาน มาลุยในศึก บุนเดสลีก้า ในทันที ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านยูโร(183 ล้านบาท) โดยเซ็นต์สัญญาด้วยกันทั้งหมด 4 ปี และเมื่อ 19 กันยายน 2010 เลวานดอฟสกี้ ก็ทำให้แฟนๆ ”เสือเหลือง” หลงรักได้ทันทีหลังเขาสามารถทำประตูแรกได้สำเร็จในเกมที่ ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ ชาร์ลเก้ 04 ไปได้ 3-1

 

ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ "เธียร์รี่ อองรี" : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

ฤดูกาล 2011-2012 เลวานดอฟสกี้ ต้องประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ เลยทำให้ตอนนั้นเป็น ลูคัส บาร์ริออส ที่เข้ามารับหน้าที่เป็นตัวจริงแทนทำให้ เลวาน ต้องนั่งพักไปยาวพอสมควร ทว่า 20 สิงหาคม 2011 เลวาน กลับมาทำประตูได้อีกครั้งจากการชาร์ตลูกเปิดของ มาริโอ เกิทเซ่ ก่อนที่ 1 ตุลาคมในปีเดียวกัน เลวาน จะมากดแฮตทริคได้สำเร็จในเกมที่ ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ เอาส์บวร์ก ไปได้ 4-0 โดยในฤดูกาลนี้ผลงานของเขาโดดเด่นจริงๆจนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของ โปแลนด์ ไปครอง

 ฤดูกาล 2012-2013 เลวานดอฟสกี้ ได้โอกาสลงเล่นในแชมป์เปี้ยนส์ลีกเป็นเกมโดยคู่ต่อสู่ของเขาคือ อาแจ็กซ์ ซึ่ง เลวาน ก็สวมบทฮีโร่ ด้วยการซัดประตูชัยให้กับ ”เสือเหลือง” ได้ในนาทีที่ 87 ของเกม ทำให้ ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ อาแจ็กซ์ ไปได้ 1-0 และถึงตอนนั้นเขาก็ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยการเป็นนักเตะที่ทำประตูติดต่อกันได้ยาวนานที่สุดของสโมสรจากการยิง 12 นัดติดต่อกันในลีก ทำลายสถิติของ ไฟรด์เฮล์ม โคเนียตซ์ก้า ที่ทำไว้เมื่อฤดูกาล 1964-1965 ลงได้สำเร็จ ทว่าฤดูกาลนี้เขาพลาดตำแหน่งดาวซัลโวไปอย่างน่าเสียดาย หลังยิงไป 24 ประตู แต่ทว่าเป็นรอง สเตฟาน คริสลิ้ง ของ เลเวอร์คูเซ่น เพียงลูกเดียวเท่านั้น

 

ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ "เธียร์รี่ อองรี" : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

ทว่าไฮไลท์สำคัญของฤดูกาลนี้มันอยู่ที่เกมแชมป์เปี้ยนส์ลีก 24 เมษายน 2013 เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ 4 ประตูในรอบรองชนะเลิศและเป็นการยิงใส่ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด อีกด้วย โดยเขาช่วยให้ ดอร์ทมุนด์ ถล่มเอาชนะ มาดริด ไปได้ 4-1 ในเกมนัดแรกที่เล่นที่เยอรมัน แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วในนัดชิงชนะเลิศเป็นการพบกันเองของทีมจาก เยอรมัน นั่นก็คือ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่ง ”เสือเหลือง” ต้านไม่ไหวแพ้ไป 1-2

 

ผมชอบสไตล์การเล่นเขา ไอดอลผมคือ "เธียร์รี่ อองรี" : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

ฤดูกาล 2013-2014 เลวานดอฟสกี้ สามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึก บุนเดสลีก้า ได้สำเร็จด้วยการซัดไปทั้งหมด 20 ประตูแถมยิงไปได้อีก 6 ประตูในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีก
ในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2013 เลวานดอฟสกี้ ตอบตกลงสัญญาล่วงหน้ากับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเขาใกล้ที่จะหมดสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเกมสุดท้ายในชุด ”เสือเหลือง” ของ เลวาน เกิดขึ้นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2014 ในเกม เดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศซึ่งเป็นการพบกับอนาคตทีมใหม่ของเขาเองอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งวันนั้น เลวานดอฟสกี้ มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่นิดหน่อยด้วย กุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้คุยกับเขาแล้วว่าจะให้พักแต่ทางด้าน เลวาน เองยืนกรานว่าเขาจะขอลงช่วยทีมเป็นเกมสุดท้าย และสุดท้ายเขาก็ได้ลงเล่นเต็มเวลา 120 นาที แต่ผลที่ออกมาคือ ดอร์ทมุนด์ แพ้ให้กับ ”เสือใต้” ไป 0-2

 

สโมสร บาเยิร์น มิวนิค (2014-ปัจจุบัน)
 3 มกราคม 2014 เลวานดอฟสกี้ เซ็นต์สัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเป็นทางการโดยเขาได้รับสัญญาทั้งหมด 5 ปี โดยเริ่มเป็นนักเตะ บาเยิร์น มิวนิค ในวันที่ 9 กรกฏาคม 2014 ช่วงปรีซีซั่นกับสโมสร เลวานดอฟสกี้ ก็สามารถทำปะตูได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง เยอรมัน ซุปเปอร์คัพ มาถึง 13 สิงหาคม 2014 เลวานดอฟสกี้ ได้โอกาสกลับมาเจอทีมเก่าอย่าง ดอร์ทมุนด์ แต่ผลปรากฏว่าเป็น ”เสือเหลือง” ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้สำเร็จ 2-0

ฤดูกาล 2015-2016 เลวาน ประเดิมนัดแรกในศึก บุนเดสลีก้า ได้อย่างสวยงามหลังจัดการเหมาคนเดียว 2 ประตูในเกมที่ ”เสือใต้” ไล่ถล่มเอาชนะ ฮัมบูร์ก ไปได้ 5-0 และสิ่งที่ทำให้ เลวานดอฟสกี้ ดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้นั่นก็คือการที่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในฐานะตัวสำรองขณะที่ทีมมีสกอร์ตามหลัง โวล์ฟบวร์ก อยู่ 0-1 เขาใช้เวลาในสนามเพียง 8 นาที 59 วินาที เหมาคนเดียว 5 ประตู ให้ บาเยิร์น มิวนิค กลับมาเอาชนะ โวล์ฟบวร์ก ได้สำเร็จ 5-1 ซึ่งนี่กลายเป็นที่มาในหลายๆสถิติของเขา 1.แฮตทริคที่เร็วที่สุดโดยใช้เวลาไปเพียง 4 นาทีเท่านั้น และ 2.กลายเป็นตัวสำรองที่ยิงประตูได้มากที่สุด 3. เป็นนักเตะที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในการกระหน่ำไปถึง 5 ลูกโดยใช้ไปเพียง 9 นาทีเท่านั้น

 

 

 

 

error: Content is protected !!