4 เหตุผลหลักที่ “บุนเดสลีกา” เป็นลีกที่สู้กันสูสีที่สุดในยุโรป
ศึกบุนเดสลีกา สถานการณ์บนตารางคะแนนตอนนี้โบรุสเซีย เมินเชนกลัดบัคนำเป็นจ่าฝูง โดยที่ทีมจ่าฝูงกับทีมอันดับ 10 มีคะแนนต่างกันเพียง 5 แต้มเท่านั้น ทำให้ศึกบุนเดสลีกาเป็นลีกที่สู้กันสูสีที่สุดในทวีปยุโรป มีจ่าฝูงเปลี่ยนมือกันมาแล้วถึง 4 ทีม ดูกันเลยว่ามีเหตุผลอะไรกันบ้าง
1.ไอเดียใหม่ กับ โค้ชหน้าใหม่
ประเด็นสำคัญสำหรับโค้ชใหม่ก็คือ พวกเขาต่างก็นำระบบการเล่นใหม่ๆ และไอเดียใหม่ๆ มาสู่ทีมเพื่อสร้างสไตล์การเล่นฟุตบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจ หากไม่นับนาเกลส์มันน์ โค้ชหน้าใหม่ต่างก็ยังไม่เคยรับบทกุนซือใหญ่คุมทีมในบุนเดสลีกาเลยสักคน ทำให้คู่แข่งเดาได้ยากว่าทีมจะเล่นแบบไหน และจะเตรียมแผนอะไรไปสู้ด้วยดี 6 จาก 11 ทีมหัวตารางบุนเดสลีกาในฤดูกาลนี้มีโค้ชใหม่กันทั้งนั้น ทั้งมาร์โค โรเซ่อ (กลัดบัค) ยูเลียน นาเกลส์มันน์ (แอร์เบ ไลป์ซิก) โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ (โวล์ฟสบวร์ก) ดาวิด วากเนอร์ (ชาลเค่อ) อันเต้ โควิช (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน) และ อัลเฟร็ด ชรอยเดอร์ (ฮอฟเฟนไฮม์)
2.ระบบการเล่นที่คล้ายคลึงกัน
ระบบการเล่นและกลยุทธ์ในฟุตบอลสมัยใหม่มักเดินตามเทรนด์ไปในทางเดียวกัน และเราก็ได้เห็นหลายๆ ทีมในบุนเดสลีกาใช้ระบบการเล่นที่คล้ายคลึงกัน คือการเล่นเพรสซิ่งค่อนข้างสูง เปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุก หรือรุกเป็นรับอย่างรวดเร็ว บุกกันแบบไม่มีผ่อนเกม หรือกระทั่งการเน้นคุณภาพการจบสกอร์ ที่เห็นได้ชัดก็คือทีมกลัดบัค เลเวอร์คูเซน โวล์ฟสบวร์ก แฟรงค์เฟิร์ต ไลป์ซิก และ ดอร์ทมุนด์ ส่วนในทีมไฟรบวร์กหรือชาลเค่อก็เริ่มมีการปรับแผนไปในทิศทางนี้เช่นกัน ผลก็คือเมื่อทีมหัวตารางเหล่านี้มาพบกันก็มักลงเอยด้วยผลเสมอ ทำให้คะแนนรวมบนตารางไม่ได้หนีห่างกันมาก “ตอนนี้มีประมาณ 12 สโมสรได้ที่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นทีมหัวตารางบุนเดสลีกา”
4 เหตุผลหลักที่ “บุนเดสลีกา” เป็นลีกที่สู้กันสูสีที่สุดในยุโรป
3.ลงทุนในราคาที่คุ้มค่าอย่างชาญฉลาด
สำหรับบุนเดสลีกาแล้ว หลายสโมสรใหญ่กลับไม่ได้เลือกเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะบิ๊กเนม พวกเขาเน้นไปที่การใช้แมวมองคอยส่องดูฟอร์มนักเตะ และลงทุนในราคาที่คุ้มค่าอย่างชาญฉลาดมากกว่า เช่น มาร์คัส ตูราม (กลัดบัค) บาส โดสต์ (แฟรงค์เฟิร์ต) ตอร์กาน อาซาร์ (ดอร์ทมุนด์) นาดีม อามิรี (เลเวอร์คูเซน) และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (บาเยิร์น มิวนิค) ทั้งหมดนี้คือรายชื่อนักเตะท็อปคลาสที่เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายกันไปและโชว์ฟอร์มได้เยี่ยม แถมยังพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปอีกเรื่อยๆ นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่แต่ละทีมต่างก็พัฒนาไปข้างหน้าโดยที่ไม่ทิ้งห่างกันเท่าไรนัก
4.ไม่มีการการเล่นอุดหลังบ้านและยันผลเสมอ
หลายคนอาจคิดว่าการที่มี 7 สโมสรจากบุนเดสลีกาต้องไปเล่นในเวทีฟุตบอลยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าต้องสร้างความตึงเครียดและความอ่อนล้าให้กับทีมมากขึ้น รวมทั้งมีทีมน้องใหม่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในเวทีบุนเดสลีกาถึง 3 ทีม จะทำให้พวกเขานำแผนการเล่นแบบเก่าๆ มาใช้มากขึ้น นั่นก็คือการเล่นอุดหลังบ้านและยันผลเสมอเพื่อรักษากำลังไว้ แต่กลับยังตรงกันข้ามกัน จะเห็นว่าแต่ละทีมเล่นเกมบุกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงฟอร์มการเล่นเกมรับอันเหนียวแน่นเอาไว้ และยังมีการซื้อตัวนักเตะตัวรุกกันเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทีมรองหลายทีมกลับทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย แม้ภาพอันดับคะแนนบุนเดสลีกาปลายซีซั่นนี้ยังเห็นได้ไม่ชัด แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือทุกทีมต่างก็ปล่อยอาวุธต่อสู้กันอย่างดุเดือดไม่มีเกรงศักดิ์ศรีของทีมไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือทีมใหญ่ก็มีสิทธิ์ชนะได้ไม่ต่างกัน และท้ายที่สุด ทีมที่เข้าวินในซีซั่นนี้อาจเป็นทีมใดก็ได้ในครึ่งตารางบนตอนนี้