ริชาร์ด อาร์โนลด์เปิดใจกลางผับกับแฟนบอลแมนยูหลังกองเชียร์ตั้งใจเดินทางไปประท้วง

ริชาร์ด อาร์โนลด์เปิดใจกลางผับ

   ริชาร์ด อาร์โนลด์เปิดใจกลางผับกับแฟนบอลแมนยูหลังกองเชียร์ตั้งใจเดินทางไปประท้วง

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแมนยูทำผลงานออกมาได้ย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤต ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาได้สร้างสถิติที่เลวร้ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลงานที่ออกมาไม่ดีกลับไม่ค่อยมีใครโทษไปถึงตัวนักเตะสักเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่แล้วแฟนบอลแมนยูมักจะโจมตีไปยังผู้บริหารหรือเจ้าของสโมสรอย่างตระกูลเกลเซอร์มากกว่า ในฤดูกาลที่ผ่านมามีหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียวที่แฟนบอลรวมกลุ่มกันเพื่อเดินทางไปประท้วงตามสถานที่ต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งในสนามการจัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้จนเกินเหตุของแมนยูได้อีกต่อไป

และดูเหมือนว่าประธานบริหารของแมนยูเองก็จะมีความคิดไม่ต่างจากพวกเขาสักเท่าไหร่แต่น่าจะอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยไม่ได้มีการออกมาเปิดเผยผ่านสื่อที่แล้วมา มีแฟนบอลจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่ผับเพื่อพบกับริชาร์ด อาร์โนลด์ชายผู้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานบริหารของแมนยูหลังจากที่ลูกค้าต้องการจะเดินทางไปประท้วงชายหนุ่มในบ้านของตนเอง แต่เขากลับทำสิ่งที่บ้าบิ่นมากกว่านั้นก็คือเดินทางไปหาแฟนบอลแมนยูในผับท้องถิ่นแถมยังเลี้ยงเบียร์กับคนเหล่านั้นอีกด้วย เจ้าตัวได้เปิดใจแทบจะหมดเปลือกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแมนยูและความรู้สึกของเขาหลังจากที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งในความล้มเหลวของฤดูกาลที่ผ่านมา

ริชาร์ด อาร์โนลด์เปิดใจกลางผับ

ตามรายงานข่าวแล้วระบุว่าความจริงริชาร์ด อาร์โนลด์ ประธานบอร์ดบริหารสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ขอร้องบรรดาแฟนบอลว่าใครก็ตามอย่าอัดคลิปวีดีโอหรือนำเอาคำพูดของตัวเองไปเผยแพร่ แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีคลิปวีดีโอที่กลายเป็นไวรัลในวงการฟุตบอลออกมานั่นก็คือการที่เจ้าตัวออกมาเผยเรื่องราวย่ำแย่ที่เกิดขึ้นในสโมสรนั่นเอง ในบางช่วงเขายอมรับว่าสโมสรต้องเผชิญกับเรื่องที่ย่ำแย่อย่างแท้จริง มีประโยคที่พูดว่าเราพังกันเป็นเสี่ยงๆ ผ่านการใช้เงินสด หรือแม้แต่ถามแฟนบอลว่าทุกคนอยากให้ตัวเองลงไปลุยซื้อนักเตะเองหรือไง ฟังดูคุ้นหรือไม่

ซึ่งในประโยคหลังนี้เป็นการพาดพิงไปถึงเอ็ด วู้ดเวิร์ด ประธานบริหารสโมสรแมนยูคนเก่าที่ลงจากตำแหน่งไปได้ท่ามกลางความยินดีของบรรดาแฟนบอลเนื่องจากเขาแทรกแซงการทำงานของกุนซือมากจนเกินไปแล้วยังไม่สามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้อีก อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกแต่อย่างใดที่มีคนในวงการฟุตบอลออกมาเปิดใจถึงความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสโมสรหรือแม้แต่คนที่เกี่ยวข้องภายในทีมของตนเองในรูปแบบที่พอคนอื่นได้ยินแล้วจะรู้สึกอึ้งไปเลยเช่นเดียวกัน

ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศวันนี้

เว็บข่าวกีฬา :: ข่าวกีฬาวันนี้

เว็บข่าวกีฬาหลัก : ข่าวฟุตบอลวันนี้