หากย้อนกลับไปเมื่อซักประมาณ 10 ปีที่แล้วแน่นอนว่านักเตะที่เป็นตำนานขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของโลกก็คงจะหนีไม่พ้นโรนัลโด้และลิโอเนล เมสซี่ ในยุคของพวกเขาพวกเขาก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในวัยที่เริ่มโรยราด้วยอายุมากกว่า 30 ปีในปัจจุบันทำให้มีนักเตะหน้าใหม่มากมายที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แท้หรือไม่ว่าจะเป็นเออร์ลิ่ง เบราต์ ฮาแลนด์หรือคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ในฤดูกาลหน้าเราจะเห็นฮาแลนด์ร่วมทีมกับแมนซิตี้ ส่วนเอ็มบัปเป้ยังคงอยู่กับปารีสเหมือนเดิมหลังตกลงต่อสัญญาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แล้ววันนี้เราจะรวบรวมเหตุผลกันว่าเพราะอะไรทั้งสองคนจึงควรที่จะเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกในยุคปัจจุบัน

1. ผลต่อทีม ฮาแลนด์เป็นนักเตะทีมชาตินอร์เวย์ก็จริงแต่ความจริงแล้วเขาเกิดในอังกฤษแต่กลับไปแข่งขันในบ้านเกิดของพ่อแม่ ได้ลงแข่งขันในทีมสำรองของสโมสรเบิร์นถึง 14 เกมและสามารถทำไปได้กว่า 18 ประตู เมื่อมีอายุ 16 ปีเขาก็ได้ย้ายไปแข่งขันกับสโมสรโมลด์แทน ส่วนเอ็มบัปเป้นั้นเกิดและโตที่ปารีสมาตั้งแต่เด็ก เริ่มต้นกับสโมสรอาแอส บอนดี้ จากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับ Academy ของแกร์กฟงแตนจนหลายสโมสรให้ความสนใจ เขาตัดสินใจเล่นกับโมนาโกก่อนที่จะถูกนำตัวไปโดยปารีส แซงต์-แชร์กแมง เทียบแล้วฮาแลนด์ลงสนามก่อนก็จริงแต่เป็นหลีกระดับต่ำ ในขณะที่เอ็มบัปเป้สามารถได้รางวัล Golden Boy นับตั้งแต่อายุเพียงแค่ 17 ปี
   
   
2. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม เอ็มบัปเป้สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จถึง 15 ถ้วย ในขณะเดียวกันฮาและสามารถคว้าแชมป์ได้เพียงแค่ 4 ถ้วยเท่านั้น การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมสำหรับเอ็มบัปเป้เขาสามารถทำไปได้กว่า 105 แอสซิสต์ในขณะที่ฮาแลนด์ทำไปได้เพียงแค่ 36 แอสซิสต์
   
   
3. การทำประตู เอ็มบัปเป้ลงสนามให้กับการแข่งขันทั้งทีมชาติและสโมสรไปกว่า 335 ครั้ง สามารถทำประตูได้ 226 ครั้ง เฉลี่ยแล้วเขาจะทำประตูได้ทุก 48 นาทีเลยทีเดียว ส่วนของฮาแลนด์มีสถิติที่ดีกว่าด้วยการลงแข่งขันไปทั้งหมด 200 ครั้ง สามารถทำประตูได้ 150 ครั้ง เฉลี่ยแล้วสามารถทำประตูได้ทุก 1.33 นาที
   
   
4. ใครคือกองหน้าที่ดีที่สุด เอ็มบัปเป้เป็นตัวแทนแห่งความยิ่งใหญ่ของทั้งสโมสรและในตัวบุคคล เขาประสบความสำเร็จมากกว่าฮาแลนด์ทั้งที่เริ่มต้นช้ากว่า 1 ปี แต่ก็ต้องยอมรับว่าฮาแลนด์ก็เป็นนักเตะกองหน้าที่มีฝีมือไม่แพ้ใคร แต่ถ้าเทียบจากสถิติทุกด้านเห็นได้ชัดว่าเอ็มบัปเป้จะมีความเหนือกว่าเล็กน้อย